Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the health-check domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /var/www/wp-includes/functions.php on line 6121

Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the spectra-pro domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /var/www/wp-includes/functions.php on line 6121
กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับ AI Governance ที่องค์กรต้องรู้ - GreenGrapes (GG)

กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับ AI Governance ที่องค์กรต้องรู้

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วนของสังคม ตั้งแต่ธุรกิจ การแพทย์ การศึกษา ไปจนถึงหน่วยงานรัฐ อย่างไรก็ตาม การใช้ AI อย่างไม่มีการกำกับดูแลอาจนำไปสู่ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของข้อมูล และอคติในระบบการตัดสินใจของ AI ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศจึงออกกฎหมายและข้อบังคับเพื่อควบคุมการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ บทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจแนวทางการกำกับดูแล AI ในระดับสากล รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรการที่องค์กรควรดำเนินการ เพื่อให้ AI ถูกใช้อย่างปลอดภัย โปร่งใส และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมและผู้ใช้งาน

    ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีบทบาทสำคัญในภาคธุรกิจและชีวิตประจำวัน กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับ AI จึงได้รับการพัฒนาเพื่อกำกับดูแลการใช้งานให้เกิดความโปร่งใสและปลอดภัย หลายประเทศได้กำหนดแนวทางการควบคุม AI เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น อคติในระบบ AI การละเมิดความเป็นส่วนตัว และผลกระทบทางจริยธรรม AI Governance หมายถึง การกำกับดูแลการพัฒนาและใช้งาน AI ให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม ปัจจุบัน องค์กรที่นำ AI มาใช้ต้องให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย โดยเฉพาะในด้านความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความโปร่งใสของข้อมูล2. กฎหมายเฉพาะ เช่น EU AI Act, PDPA ของไทย

    เมื่อเทคโนโลยี AI ได้รับการพัฒนาและนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น หลายประเทศจึงออกกฎหมายเฉพาะเพื่อควบคุมการใช้งาน AI อย่างเป็นระบบ กฎหมายเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ความเสี่ยงด้านจริยธรรม และผลกระทบทางเศรษฐกิจ บทนี้จะกล่าวถึงกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแล AI ซึ่งองค์กรและผู้พัฒนา AI ควรทำความเข้าใจและปฏิบัติตาม

    2.1 General Data Protection Regulation (GDPR) – สหภาพยุโรป

    GDPR เป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้ในสหภาพยุโรป มีเป้าหมายเพื่อปกป้องข้อมูลของประชาชนและกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลที่องค์กรต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้ AI ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    ● กำหนดให้บริษัทต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนเก็บรวบรวม ใช้ หรือแบ่งปันข้อมูล
    ● มีบทลงโทษสูงสุดถึง 20 ล้านยูโร หรือ 4% ของรายได้ทั่วโลก หากมีการละเมิด

    2.2 EU AI Act – กฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ของสหภาพยุโรป

    EU AI Act เป็นกฎหมายฉบับแรกที่กำกับดูแลการพัฒนาและใช้งาน AI โดยแบ่งประเภทความเสี่ยงของ AI ออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ :
    ● Unacceptable Risk (ความเสี่ยงสูงสุด) – ระบบ AI ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การเฝ้าระวังมวลชน
    ● High Risk (ความเสี่ยงสูง) – AI ที่ใช้ในกระบวนการคัดเลือกบุคลากร การประเมินสินเชื่อ หรือการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
    ● Limited Risk (ความเสี่ยงปานกลาง) – AI ที่ใช้ในการโต้ตอบกับผู้ใช้ เช่น แชทบอท
    ● Minimal Risk (ความเสี่ยงต่ำ) – AI ที่ใช้ในการเล่นเกมหรือสร้างเนื้อหาดิจิทัล
    องค์กรที่พัฒนาและใช้งาน AI ในระดับความเสี่ยงสูงต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด

    2.3 PDPA (Personal Data Protection Act) – กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย

    PDPA เป็นกฎหมายที่มีลักษณะคล้ายกับ GDPR ซึ่งกำหนดมาตรฐานการเก็บรวบรวม ใช้ และแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศไทย โดยมีข้อกำหนดสำคัญ เช่น :
    ● องค์กรต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนดำเนินการใดๆ
    ● ต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล (DPO) ในกรณีที่องค์กรมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก
    ● มีบทลงโทษทั้งทางแพ่ง อาญา และค่าปรับสูงสุด 5 ล้านบาทในกรณีที่มีการละเมิด

    องค์กรที่ใช้ AI ควรปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ โดยสามารถดำเนินการได้ ดังนี้ :

    3.1 ประเมินความเสี่ยงของ AI ในองค์กร

    องค์กรควรตรวจสอบว่า AI ที่ใช้มีความเสี่ยงในระดับใด และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ AI ที่มีผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น
    การให้สินเชื่อ การคัดเลือกพนักงาน และระบบตรวจจับใบหน้า

    3.2 จัดทำนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน

    ควรกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการใช้ AI อย่างชัดเจน เช่น มาตรการป้องกันอคติใน AI การจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย และแนวทางในการป้องกันการละเมิดสิทธิของผู้ใช้

    3.3 อบรมและให้ความรู้แก่พนักงาน

    องค์กรควรจัดอบรมเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมายและจริยธรรมของ AI ให้แก่พนักงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างถูกต้อง

    3.4 แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล (DPO)

    ตามข้อกำหนดของ PDPA และ GDPR องค์กรที่ใช้ AI เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากควรมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลเพื่อดูแลและกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย

    3.5 ใช้เทคโนโลยีและมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

    ควรนำเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) การตรวจสอบความปลอดภัย (Security Audits) และการออกแบบ AI ที่มีความรับผิดชอบมาใช้

    3.6 ติดตามและปรับปรุงตามกฎหมายใหม่ๆ

    กฎหมายเกี่ยวกับ AI มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น องค์กรควรติดตามข่าวสารและปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

    AI Governance เป็นประเด็นที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับ AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง องค์กรควรศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายสำคัญ เช่น GDPR, EU AI Act และ PDPA เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงาน การปรับตัวให้สอดคล้องกับข้อบังคับจะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ AI ได้อย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานในระยะยาว

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI Governance ได้ที่

    Tel. 097-979-5656

    Line ID: @greengrapes

    Shopping Cart
    Scroll to Top